
เปลี่ยน “ผิวขาดน้ำ” ให้เป็นผิวสวย
“ผิวขาดน้ำ” สามารถเกิดขึ้นได้กับสาวๆ ที่มีผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวผสม หรือแม้แต่ผิวธรรมดา เพราะผิวขาดน้ำจึงเป็น “สภาวะของผิว” ไม่ใช่ประเภทของผิวอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ และการมีผิวที่หยาบกร้านก็ไม่ได้ว่าผิวของเรานั้นแห้งเสมอไป เพราะผิวหยาบกร้านเกิดจากการขาดน้ำโดยที่ผิวยังสามารถผลิตน้ำมันได้อยู่ และหลายๆ ครั้งอาจจะผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติซะด้วยซ้ำ เพื่อชดเชยกับระดับความชุ่มชื้นของผิวที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ลองมาดูวิธีรับมือกับผิวขาดน้ำกันดีกว่า Lady MIRROR จะได้มีผิวสวยอิ่มเด้งฟูยังไงล่ะ (5 ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ทำให้ “ผิวแห้ง”)
“ผิวขาดน้ำ” ต่างกับ “ผิวแห้ง” อย่างไร
“ผิวแห้ง” คือผิวที่มีต่อมไขมันบริเวณใบหน้าและตามร่างกายน้อยหรือมีขนาดเล็กกว่าปกติ จึงผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงผิวได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวแห้ง คันและลอกเป็นขุย ขณะที่ “ผิวขาดน้ำ” เป็นสภาวะของผิวที่มีน้ำหล่อเลี้ยงน้อยเกินไป และสามารถเกิดขึ้นได้กับสภาพผิวทุกประเภท สาเหตุของผิวขาดน้ำโดยส่วนมากจะมาจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ, สิ่งแวดล้อม, การรับประทานอาหาร และปริมาณกาเฟอีนที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณน้ำในผิวของเราลดลง
วิธีสังเกต “ผิวขาดน้ำ”
Lady MIRROR สามารถทดสอบง่ายด้วยการใช้หลังมือลูบใบหน้าเบาๆ ถ้าคุณสาวๆ สัมผัสได้ถึงความหยาบกร้านและขาดความชุ่มชื้นของผิว นั่นแปลว่าผิวของคุณกำลังขาดน้ำแล้วล่ะ นอกจากนั้นแล้วการที่ผิวขาดน้ำจะทำให้ผิวแห้งตึง, ดูหมองคล้ำ, ริ้วรอยต่างๆ ดูลึกและชัดเจนกว่าเดิม, เป็นผื่นหรือรอยแดง, ผิวหนังอักเสบ รวมไปถึงใต้ตาที่ดำคล้ำกว่าปกติอีกด้วย “ปัญหาผิวขาดน้ำ” มักพบมากในสาวผิวมันที่มีปัญหาสิว และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีสารเคมีรุนแรงเพื่อรักษาสิว แต่รู้หรือไม่ว่าสารเคมีเหล่านั้นทำลายความชุ่มชื้นบนผิวหน้าของเราได้อย่างร้ายกาจ
วิธีรับมือกับ “ผิวขาดน้ำ”
1. เริ่มต้นที่การล้างหน้า
MIRROR แนะนำให้สาวๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ปราศจากซัลเฟตเพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว (“คลีนเซอร์” ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนสำหรับ “ผิวแพ้ง่าย”) รวมไปถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหน้าหรือสครับที่อ่อนโยน มีส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรดในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไปเพราะอาจก่อให้เกิดภาวะขาดน้ำและการระคายเคืองจนทำให้ผิวอักเสบได้ (How to “ผลัดเซลล์ผิวหน้า” ที่บ้านยังไง ให้ปลอดภัย)
2. บำรุงผิวทันทีหลังล้างหน้าเสร็จ
หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จทุกครั้ง ไม่ควรทิ้งให้ใบหน้าเปลือยเปล่าปราศจากการบำรุงเกิน 1 นาที เพราะอากาศรอบๆ ตัวเราสามารถดูดซับเอาความชุ่มชื้นจากผิวออกไปได้ ดังนั้น Lady MIRROR ควรเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ตามด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ทันทีเพื่อเป็นการล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่ในชั้นผิว โดยอาจเลือกใช้ไนท์ครีมที่มีความเข้มข้นกว่าเดย์ครีมเพื่อเติมน้ำให้กับผิวระหว่างที่ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังในตอนที่เราหลับ (วิธีเลือก “สกินแคร์” สำหรับผิวทุกประเภท)
3. ใช้เซรั่มเป็นประจำ
สาวๆ คนไหนที่ยังไม่เคยใช้ “เซรั่ม” MIRROR อยากให้ลองเพิ่มเซรั่มเข้าไปในขั้นตอนการปรนนิบัติผิวในแต่ละวันกันดู ลองเลือกใช้เซรั่มที่มีเนื้อบางเบา และตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าไปอีกระดับโดยไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้าหรือเหนียวเหนอะหนะ (9 ครีมทาหน้า เพื่อผิวอิ่มเด้งฟู) (10 ขั้นตอนการดูแลผิวหน้าสไตล์ “สาวเกาหลี”)
4. เลือกสกินแคร์ที่มีสารที่ช่วยดูดซับน้ำ
ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวครั้งต่อไป ลองมองหาส่วนผสมที่เป็นสารที่สามารถช่วยดูดซับน้ำและความชื้นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราให้กับผิว โดยที่เห็นกันบ่อยๆ ก็ได้แก่ กลีเซอรีน, กรดไฮยาลูรอนิค, โซเดียม พีซีเอ, อัลลานโทอิน และโพรไพลีน ไกลคอล หรือสาวๆ คนไหนที่หลงใหลในส่วนผสมจากธรรมชาติ “น้ำผึ้ง” ก็เป็นทางเลือกสายกรีนสำหรับสารที่สามารถช่วยดูดซับน้ำที่ดีมากเช่นกัน ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว มอบผลลัพธ์ผิวหน้าที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส (ไอเทมเสก “ผิวสวยฉ่ำน้ำ” ในพริบตา)
การแก้ปัญหา “ผิวขาดน้ำ” เพื่อผิวหน้าที่ชุ่มชื้นและเด้งฟูไม่ใช่เรื่องยาก หากเราใส่ใจดูแลผิวอย่างถูกวิธี Lady MIRROR เห็นด้วยมั้ยจ๊ะ ใครมีเคล็ดลับดีๆ อยากจะแชร์หรือต้องการให้ MIRROR ช่วยแก้ปัญหาอะไร สามารถส่งข้อความเข้ามาทาง www.facebook.com/ladymirror.co/ ได้เลยนะ เราพร้อมหาคำตอบให้คุณเสมอจ้ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสารได้ที่ : mydeedees.com